Can’t Get Enough … really!

ทันทีที่ได้ฟังแค่ไม่ถึงสิบวินาที เราก็บอกตัวเองได้เลยว่าไม่มีวันพอ แค่ขึ้นมาก็รู้แล้วว่าแทร็คนี้ขายสุดๆ Can’t Get Enough สมชื่อมากๆอะ งานชิ้นนี้เป็นโปรเจ็คที่ทำแยกออกมาของ Johnny Castro ที่อยู่กับ Parachute Youth สำหรับโปรเจ็คส่วนตัวนี้เลยตั้งชื่อว่า Yeah Boy

ตัวงานเป็นอิเล็คทรอนิคส์ แต่มีส่วนผสมของทั้งเฮ้าส์และ synth-pop อยู่ด้วย ฟังแล้วรู้ได้ชัดเจนว่ามันมีความป็อบอยู่ในตัวค่อนข้างเยอะ ฟังไปเพลินๆก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ายังแฝงความเป็นดิสโก้เอาไว้ตามซอกมุมเล็กๆซะด้วยนะ สำหรับงานเดบิวท์เดี่ยวนี้ จะออกมาขายในวันที่ 27 เดือนหน้านี้ละ ติดตามกันได้

I can tell by the way you move, baby!

ข้างบนนี้คงเป็นประโยคที่ใครหลายคนกำลังรอที่จะพูดมันให้ใครสักคนฟังนะ ถึงเวลาแล้วที่จะมาแนะนำงานเฮ้าส์น่าสนใจที่เพิ่งประสบพบเจอมา

I Can Tell (By The Way You Move) จาก George Fitzgerald จัดว่าเป็นงานเฮ้าส์ที่น่าจับตามองอย่างมากงานนึงเลยในช่วงนี้ ส่วนตัวคิดว่าเป็นงานเฮ้าส์ที่ฟังง่าย ติดหูเอาการเลยแหละ อีกทั้งเนื้อหาก็เหมาะที่จะเปิดในคลับซะขนาดนี้ เรียกว่าเป็นเพลงที่เกิดมาเพื่อเป็น EDM ซะนี่กะไร

ขออนุญาตให้ฉันรักเธอ

จะขอก็คงไม่ทันแล้วละ เพราะเราตกหลุมรักไปแล้วกับแทร็ค Permission To Love จาก Hayden James งานดิสโก้เฮาส์แบบนี้มีให้เห็นกันบ่อย แต่จะหาที่ฟังติดหูและกลมกล่อมจริงๆกลับมีไม่บ่อยนัก เท่าที่เจอๆมาไม่มากไปก็น้อยไปทั้งนั้น แต่งานนี้ต้องบอกเลยว่ากลมกล่อมและป็อบแบบพอดีๆ ลงตัวที่สุด

ในส่วนของ MV รึก็เก๋ไก๋ไม่ไก่กา เห็นแล้วนึกถึงวิดิโอเกมที่นิยมเล่นกันในสมัยดิสโก้รุ่งเรืองเลย (น้าชายเรามีหลายอัน ตอนเด็กๆเราก็อาศัยเล่นของพวกนี้แหละ ไม่มีพี่ชายน้องชายนี่นา) ทำออกมาในรูปแบบ 8-bit เป็นเรื่องเป็นราวเลย น่ารักดี ก็คงจะต้องเฝ้าดูกันต่อไปว่าเขาจะทำให้เราตกหลุมรักแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน

Just Another Day

หลังจากที่เคยฟัง Another Day ของ Chuck Love ตั้งแต่ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆ แต่ก็มัวหมักดองไม่ยอมเขียนซะที จนโดนลบหายออกไปจาก SoundCloud ซะเฉยๆ ไม่แน่ใจว่าทาง Random Soul Recordings คิดอะไรของเขาอยู่ แต่โชคยังดีที่โลกนี้มี YouTube ไม่มีอะไรที่จะหลุดรอดมันไปได้หรอก สุดท้ายเลยมีงานดีๆมาฝากกันจนได้

งานอิเล็คทรอนิคส์หรือเฮ้าส์อาจจะมีให้เห็นกันเกร่อโดยทั่วไป แต่งานที่ทำออกมาได้ลงตัวผสมกับความป็อบด้วยกลับหาไม่ง่ายเลยในสมัยนี้ โดยส่วนตัวเราเชื่อว่าสำหรับในบ้านเรา เพลงแนวเต้นรำแบบนี้ไม่จำเป็นต้องทำออกมาให้ดูฟังยากหรือแตกต่างจนสุดขั้วมากไป สิ่งที่จะทำให้งานเป็นที่นิยมก็คือการนำเอาความป็อบแบบตีหัวเข้าบ้านผสมลงไปนี่แหละ เป็นการจับจุดมาเอาใจขาแดนซ์บ้านเราได้เป็นอย่างดี

That awkward moment …

San Cisco เป็นวงดนตรีป็อบร็อกสไตล์อินดี้จากประเทศออสเตรเลีย มีสมาชิกด้วยกัน 3 หนุ่ม 1 สาว ที่ประกอบด้วยกีต้าร์ 2 กลอง 1 และเบสอีก 1 กับแทร็คสุดฮิตอย่าง Awkward ที่น่าจะฮิตในบ้านเราได้ไม่ยาก เพลงฟังง่าย ติดหู เนื้อหาก็น่ารัก

แทร็คที่ฮิตไม่แพ้กันก็คือ Wild Things ดนตรีแน่นขึ้นแต่ก็ยังมีความสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ ส่วนตัวรู้สึกว่าวงนี้ทำเพลงออกมาได้เหมือนเดิมแต่ก็มีจุดต่างจากเดิมดีมาก เรียกว่าไม่ทิ้งลายเซ็นตัวเอง แต่ก็จะใส่อะไรใหม่ๆลงมาเสมอไม่ให้รู้สึกเหมือนย่ำอยู่กับที่

ท้ายสุดกับ Fred Astaire ชื่อเพลงที่คล้ายจะเป็นชื่อใครสักคน เป็นเพลงล่าสุดที่ตัดออกมาโปรโมท ตัวเพลงยังคงไม่ละทิ้งลายเซ็นไปไหนเลยจริงๆ เราชอบเพลงนี้ตรงไลน์กลองกับเบสที่แน่นหนึบหนับดี แถมมีคีย์บอร์ดมาผสมด้วย ดูเป็นสีสันที่ติดกลิ่นดนตรีเต้นรำย้อนยุคมาพอประมาณ

เท่าที่ติดตามกระแสมา เด็กแนวจากออสซี่ทุ่มเถียงกันเยอะมากว่าไม่อยากให้วงนี้ดัง เพราะกลัวว่ามันจะไม่แนวอีกต่อไป บางพวกที่แอนตี้เด็กแนวก็บอกว่า ยูจะหวงของไปทำไม วงดีๆทำไมไม่อยากให้เขาดังละ อ่านแล้วก็ได้แต่คิดว่าไม่ใช่จะมีแต่บ้านเราแฮะที่เถียงกันในเรื่องพรรค์นี้ ที่อื่นๆเขาก็เป็นเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าวัยรุ่นอะเนอะ จะชาติไหนๆก็ชอบฟังเพลงด้วยกันทั้งนั้น แถมเอกลักษณ์ของความเป็นวัยรุ่นนี่เป็นอะไรที่สากลไปทั่วโลกเลยละ ว่ามั้ย?

awkward-moment-music-teen-posts-Favim.com-437506

The Future Is Yours!

The future is yours! คุ้นๆมั้ยคำนี้ ไม่ใช่สโลแกนของการ์ตูนกัปตันแพลเนทหรอก แต่นี่คือแทร็คที่น่าสนใจจากเฮ้าส์แบนด์สายเลือดดัชท์อย่าง Kraak & Smaak ที่กำลังมาแรงในใจเราตอนนี้ โดนใจตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรกเลยทีเดียว เป็นงานที่รู้สึกว่าขายมาก ป็อบมาก คงเพราะได้เสียงของ Ben Westbeech มาแจมด้วย ทั้งเมโลดี้ทั้งทำนองมันออกมาลงตัวเหมาะเจาะไปหมด ทำให้เรารู้สึกว่าถึงนี่จะเป็นงานเฮ้าส์สไตล์ยุโรปแต่มันก็ป็อบมากจนเข้าถึงไม่ยากเลย